วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก ♥♥

ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก

            กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ

เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
.
          วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้














หมวกสานจากใบมะพร้าว

ประวัติความเป็นมา

       การสานหมวกจากใบมะพร้าว เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนางเคลือบ ขุนฤทธิ์ ซึ่งเป็นประธานกลุ่มจักสานบ้านหลวงจันทร์ ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ท่านเรียนรู้การสานหมวกจากใบมะพร้าวโดยการซื้อผลิตภัณฑ์มาแล้วพยายามประดิษฐ์จนสามารถสานได้อย่างสวยงาม และสามารถส้รางรายได้ให้กับครัวเรือน และกลุ่มจักสานเป็นอย่างมาก




ปลาตะเพียนใบลาน

ความเป็นมาของปลาตะเพียนใบลาน     การสานปลาตะเพียนใบลานเป็นอาชีพเก่าแก่ที่ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่ บรรพบุรุษนานกว่า 100 ปี โดยสันนิษฐานว่าชาวไทยมุสลิมซึ่งล่องเรือขายเครื่องเทศอยู่ตามแม่น้ำเจ้า พระยาและอาศัยอยู่ในเรือเป็นผู้ประดิษฐ์ปลาตะเพียนสานด้วยใบลานขึ้นเป็น ครั้งแรก แรงบันดาลใจอาจจะมาจากความรู้สึกผูกพันอยู่กับท้องน้ำ สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวและความคุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของปลาตะเพียนเป็นอย่างดี โดยใช้วัสดุจากท้องถิ่น เช่น ใบมะพร้าว ใบลาน ใบตาล ปลาตะเพียนที่สานด้วยใบลานในสมัยก่อนนั้นไม่สวยงามและมีขนาดใหญ่โตเช่น ปัจจุบันนี้ ปลาตะเพียนรุ่นแรกที่สร้างขึ้นเรียกว่า “ปลาโบราณ” โดยจะทำเป็นตัวปลาขนาดเล็กๆ ขนาด 1-3 ตัวเท่านั้น ปลาตะเพียนใบลานมักทาด้วยสีเหลืองซีดๆ ที่ทำด้วยวัตถุดิบตามธรรมชาติที่เรียกว่า “รงค์” ผสมกับน้ำมันวานิช แล้วนำไปเสียบไม้สำหรับห้อยแขวนเลยและปลาตะเพียนใบลานในสมัยก่อนยังมีจำนวน น้อยมากถ้าเทียบกับปัจจุบัน

ปลาตะเพียนใบลานกับความเชื่อ      ปลาตะเพียนใบลานเป็นงานหัตถศิลป์ฝีมือชาวมุสลิมในท้องที่ท่า วาสุกรี บ้านหัวแหลมที่อยู่คู่อยุธยามาเป็นเวลาร่วมร้อยปีจนถึงวันนี้ ก็ยังนับได้ว่าอยุธยาเป็นแหล่งผลิตปลาตะเพียนสานใบลานใหญ่ที่สุดในประเทศคน ไทยคุ้นเคยและใกล้ชิดกับปลาตะเพียนมานานแล้วและสมัยก่อนเชื่อกันว่าปลา ตะเพียนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เพราะช่วงที่ปลาโตเต็มที่กินได้อร่อยเป็นช่วงที่ข้าวตกรวงพร้อมเก็บเกี่ยวพอ ดีเรียกว่าเป็นช่วง “ข้าวใหม่ปลามัน” ด้วยความเชื่อในเรื่องดังกล่าว จึงมีผู้นิยมนำใบลานแห้งมาสานขดกันเป็นปลาตะเพียนจำลองขนาดต่างๆ แล้วผูกเป็นพวงๆ แขวนไว้เหนือเปลนอนของเด็กอ่อนเพื่อให้เด็กดูเล่น และถือเป็นสิ่งมงคลสำหรับเด็ก เท่ากับอวยพรให้เด็กเจริญเติบโตมีฐานะมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ดุจปลาตะเพียนใน ฤดูข้าวตกรวง บ้างก็มีความเชื่อว่า ปลาตะเพียนเป็นสิ่งสิริมงคล ทำให้เงินทองไหลมาเทมา บ้างก็ว่า หากบ้านไหนแขวนปลาตะเพียนไว้หน้าบ้านจะทำให้บ้านนั้นมั่งมีศรีสุข ทำมาค้าขึ้น นอกจากนี้ปลาตะเพียนยังมีนัยยะที่บ่งบอกถึงเรื่องความขยันหมั่นเพียรอีกด้วย ปลาตะเพียนสานเป็นเครื่องแขวนที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญ 6 ชิ้นคือ กระโจม แม่ปลา กระทงเกลือ ปักเป้า ใบโพธิ์ และลูกปลา มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่เขียนเป็นลวดลายตกแต่งสวยงามสำหรับแขวนเหนือเปลลูกผู้มีบรรดาศักดิ์ และ ชนิดเป็นสีใบลานเรียบๆ ไม่มีการตกแต่งอย่างใดใช้แขวนเหนือเปลลูกชาวบ้านธรรมดาสามัญ ปลาตะเพียนใบลานที่มีลวดลายสีสันต่างๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน เป็นปลาตะเพียนที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 สืบทราบได้เป็นเลาๆ ว่าหลวงโยธาฯ ข้าราชการเกษียณผู้มีนิวาสสถานอยู่ใกล้สะพานหัน ตำบลวังบูรพา กรุงเทพฯ เป็นผู้ประดิษฐ์คิดทำให้สวยงามขึ้น แล้วนำออกจำหน่ายตามงานวัดต่างๆ นับแต่นั้นมาคนก็หันมานิยมปลาตะเพียนสานกันมากขึ้น ปัจจุบันความนิยมการสานปลาตะเพียนไปแขวนเปลให้เด็กอ่อนอาจจะเหลือน้อยมากแต่ กลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนและสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้เป็นอย่างดี



การสานสุ่มไก่

ประวัติความเป็นมาของการสานสุ่มไก่
ความเป็นมาของการทำสุ่ม
ในหมู่บ้านมีชาวบ้านจำนวนมากที่ชื่นชอบและนิยมกีฬาชนไก่ จึงมีการเลี้ยงไก่ชนเป็นจำนวนมาก และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเลี้ยงดูไก่ชนอย่างใกล้ชิดคือสุ่มไก่ ซึ่งสุ่มไก่นี้สานได้ง่าย มีราคาถูกและใช้ประโยชน์ได้ดี การสานสุ่มไก่นี้ได้สืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานมากสืบทอดมาทั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ จึงได้มีการสานสุ่มสืบต่อกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันก็ได้สานสุ่มเป็นอาชีพ เพราะด้วยวัยที่มากขึ้นทุกวัน ไม่สามารถออกไปทำงานได้ จึงยึดอาชีพสานสุ่มไก่ขายเป็นหลัก และภายในหมู่บ้านก็หาคนที่จะมาสานสุ่มไก่นี้ยากมากส่วนมากก็จะเป็นคนแก่ที่อยู่แต่บ้าน และส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตกันหลายคนแล้ว และในการสานสุ่มไก่ขายก็เป็นการใช้วัสดุธรรมชาติที่มีอยู่มากมายในหมู่บ้านให้เกิดประโยชน์ ตาจึงยึดอาชีพสานสุ่มไก่เป็นหลักและยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย




วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

น้ำตกไพรวัลย์



        น้ำตกไพรวัลย์ น้ำตกดังพัทลุง น้ำตก ไพรวัลย์เป็นน้ำตกที่อยู่ในป่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่สูงไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน น้ำไหลแรงสามารถเล่นน้ำได้ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพัทลุง เนื่องจากมีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดพัทลุง ที่นี่น้ำไหลตลอดทั้งปีด้วยสภาพแวดล้อมด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่เป็นน้ำตกที่มีผู้นิมยมแห่งหนึ่งของภาคใต้เลยทีเดียว

         น้ำตกไพรวัลย์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตำบลคลองเฉลิม อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง น้ำตกไพรวัลย์เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดพัทลุง และเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ของภาคไต้เลยทีเดียว มีน้ำตกด้วยกันอยู่ 7 ชั้น น้ำตกชั้นแรกสามารถเข้าไปเที่ยวชมและแล่นน้ำได้ตามจุดต่างๆ ชั้นแรกน้ำตกจะมีความสูงประมาณ 30 เมตร กว้าง 15 เมตร น้ำไหลลงมาตามหน้าผาหินมากน้อยขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่ชั้นอื่นๆ ไม่มีทางเดินขึ้นไปต้องอาศัยเดินตามป่าไต่หินขึ้นไปชม
บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นสบาย เงียบสงบ มีต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมโดยทั่วไปทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะแก่การ มาเที่ยวพักผ่อน ที่นี่มีร้านค้าไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และ มีที่พักไว้คอยให้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด

ภาพแนะนำ












เกาะลิดี ♥♥



เกาะลิดี...... ความมหัศจรรย์ของเกาะฝาแฝด
หมู่ที่ 4  ต.ปากน้ำ อ. ละงู

        ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ประมาณ 5 กม.  บนเกาะมีหน้าผาและถ้ำเป็นที่อาศัยของนกนางแอ่น มีหาดทรายขาวและมีเวิ้งอ่าวยื่นเข้าไปในเกาะ เหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล และกางเต็นท์พักแรม

         เกาะลิดีประกอบด้วยเกาะสำคัญ  2  เกาะ  คือ เกาะลิดีใหญ่กับเกาะลิดีน้อย  ขนาดไล่เลี่ยกัน เรียกว่าเป็นเกาะแฝดก็ได้  และมีเกาะเล็ก ๆ เสมือนบริวารตั้งอยู่ใกล้เคียงอีก 3 – 4 เกาะ  โดยสภาพภูมิศาสตร์แล้ว  จัดอยู่ในหมู่เกาะเขาใหญ่  เกาะลิดีตั้งอยู่ในหมู่ที่  4  ตำบลปากน้ำ อยู่ไม่ไกลจากอ่าวนุ่น  ห่างจากฝั่งหมู่บ้านหัวหินประมาณ 1 กิโลเมตร  เรือแล่นใช้เวลาไม่นานนัก  ลิดีเป็นภาษามลายูแปลว่า “ ไม้เรียว” เป็นเกาะที่มีนกนางแอ่นชุกชุม  ทุกวันนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา  ทางการได้ปลูกสร้างอาคารหน่วยพิทักษ์อุทยาน  และที่พักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวไว้บนเกาะลิดีน้อย

          เสน่ห์ของเกาะลิดีอยู่ที่การเป็นเกาะคู่แฝด  มีธรรมชาติที่หลากหลาย  ได้แก่  หาดทราย ป่าไม้บนภูเขา  ป่าชายเลน  โขดหินที่มีรูปร่างประหลาดตามริมหาด  เมื่อน้ำลดจะกลายเป็นทางเดินเท้า  ลัดเลาะไปตามชายหาดและป่าชายเลน  ไปยังเขาหินเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตอนเหนือ  มีก้อนหิน ก้อนใหญ่น้อยกลมมนอยู่เรียงราย  ต้องคอยจังหวะน้ำลงจึงจะเดินทางไปได้  พอน้ำเริ่มขึ้นต้องรีบเดินทางกลับ  การเดินทางไปเที่ยวที่เกาะลิดีใช้วิธีการไปกลับก็ได้  ทางอุทยานก่อสร้างบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวและมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์พักแรมได้ด้วย  ต้องติดต่อกับทางอุทยานอีกทีหนึ่ง

ภาพแนะนำ







 

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การสานตะกร้า ♥


การสานตะกร้าจากไม้ไผ่

ทุกวันนี้ นอกจากนางเรี่ยและครอบครัวที่สานตะกร้าจากก้านมะพร้าวเป็นแล้ว ยังมีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งก็คือกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ที่มีภูมิปัญญาในด้านการจักสานอยู่แล้ว สานตะกร้าจากก้านมะพร้าวเป็นงานยามว่างที่สามารถสร้างรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้ด้วย
กลุ่มสานตะกร้าจากก้านมะพร้าว บ้านหนองหัวแรด ตำบลแหลมทอง อาจไม่ใช่กลุ่มที่รวมตัวกันอย่างเป็นทางการ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ได้เป็นสินค้าโอท็อป และคนทำเองก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องทำเป็นกิจการใหญ่โตเพื่อไปแข่งขันกับสินค้าอื่นๆ ขอเพียงเป็นอาชีพเสริมที่มีรายได้เล็กๆ น้อยๆ อาศัยว่าเป็นการทำงานแก้เหงาของคนในวัยชรา สิ่งที่น่าสนใจศึกษาจากกลุ่มนี้จึงไม่ใช่แค่กระบวนการหรือขั้นตอนการสานตะกร้าเท่านั้น แต่เป็นร่องรอยในอดีตของชุมชน และภูมิปัญญาชาวบ้านอันทรงคุณค่า ที่รอคอยให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาเรียนรู้และช่วยกันสืบทอดต่อไป



วิธีการทำ
๑. วัสดุและอุปกรณ์สำหรับสานตะกร้าก้านมะพร้าว
๑.๑ ก้านมะพร้าว
๑.๒ ไม้ไผ่
๑.๓ ปอทอเสื่อ ( ปอเทียมเส้นเล็ก ) ๑.๔ หวายเทียม
๑.๕ ลวด ๑.๖ คีมล็อก
๑.๗ คีมปากนกแก้ว ๑.๘ คีมปากจิ้งจก
๑.๙ กรรไกรตัดกิ่งไม้ ๑.๑๐ เลื่อยสำหรับตัดไม้ไผ่
๑.๑๑ เหล็กแหลม ๑.๑๒ มีดตอก
๑.๑๓ มีดใหญ่ ๑.๑๔ สายวัด
๑.๑๕ เข็มเย็บผ้าเบอร์ใหญ่ ๑.๑๖ ดินสอหรือปากกา

๒. ขั้นตอนการสานตะกร้าก้านมะพร้าว

๒.๑ เลือกก้านมะพร้าวเหลือง ๆ ไม่อ่อนไม่แก่เกินไป จะทำให้ได้ตะกร้าที่แข็งแรง มีสีสวย ถ้าเป็นก้านที่แก่มากจะทำให้สีคล้ำ หรืออ่อนเกินไปจะออกสีเขียวอ่อนและไม่แข็งแรง มะพร้าวน้ำหอมจะมีก้านที่สั้นกว่ามะพร้าวใหญ่หรือมะพร้าวที่ใช้ทำขนมและแกงกะทิ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชิ้นงานว่าต้องการตะกร้าใบใหญ่หรือใบเล็ก

๒.๒ นำก้านมะพร้าวมาเหลาใบออก ใช้มีดขูดให้เกลี้ยง จากนั้น
นำไปตากแดดให้แห้งเพราะจะทำให้สานตะกร้าได้แน่น ไม่หลวม และช่วยป้องกันไม่ให้ขึ้นราได้ง่าย

๒.๓ เหลาไม้ไผ่ให้เป็นเส้นแบน ๆ ความหนาแล้วแต่ความต้องการ เพื่อใช้ขดเป็นวงสำหรับทำโครงตะกร้า ต้องการให้เป็นรูปทรงใดอยู่ที่ขั้นตอนนี้ ตะกร้า ๑ ใบใช้โครงไม้ไผ่ ๕ อัน ประกอบเป็นส่วน ก้นตะกร้า ๒ อัน ตัวตะกร้า ๑ อัน (ส่วนกลาง ) และปากตะกร้า ๒ อัน

๒.๔ นำก้านมะพร้าวที่เหลาและตากแดดเรียบร้อยแล้วมาสานไขว้กันไปมา ให้มีความถี่ห่างแล้วแต่ความต้องการ โดยเริ่มสานกับโครงไม้ไผ่ส่วนที่เป็นตัวตะกร้า ใช้ปอทอเสื่อที่ร้อยเข็มแล้วมัดให้ก้านมะพร้าวกับโครง
ไม้ไผ่ติดกัน ขั้นตอนนี้ต้องพยายามจัดก้านมะพร้าวให้เรียงเสมอกัน และมัดด้วยปอทอเสื่อให้แน่นหนา

๒.๕ เมื่อสานส่วนตัวตะกร้าจนรอบแล้วจึงสานก้นตะกร้าโดยใช้โครงไม้ไผ่ประกัน ๒ วง และมัดด้วยลวด และหวายเทียม

๒.๖ จากนั้นนำโครงไม้ไผ่อีก ๒ อัน ประกบตรงส่วนปากตะกร้า ใช้ลวดและหวายเทียมมัดเช่นกัน ขั้นตอนนี้จะตกแต่งปากตะกร้าด้วยการสานหวายเทียม

๒.๗ รวบก้านมะพร้าวส่วนที่เหลือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน แล้วนำก้านมะพร้าวทั้งสองข้างมัดเชื่อมต่อกันด้วยหวายเทียมเพื่อเป็นหูตะกร้า ตัดก้านมะพร้าวที่ยาวเกินไปออกและตกแต่งให้เรียบร้อย